โค้ดที่ใช้งานได้ ไม่ได้แปลว่าเป็นโค้ดที่ดี การหลีกเลี่ยงการเขียน “โค้ดที่ไม่ดี (Bad Code)” ไม่ได้เป็นเพียงกฎที่ นักพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Developer) ควรปฏิบัติตามเท่านั้น แต่เป็นปัจจัยหลักสำคัญในการสร้างผลกำไรทางธุรกิจ ความสามารถในการเติบโต และความปลอดภัย

ในอุตสาหกรรมทางด้าน Tech กุญแจสำคัญสู่ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนั้นอยู่ที่โค้ดที่ถูกเขียน ไม่เพียงแต่ต้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังต้องง่ายต่อการเข้าใจและดูแลอีกด้วย

“Bad Code” ทำให้ก่อ “Technical Debt” อย่างเลี่ยงไม่ได้ และมีผลกระทบทางเศรษฐกิจที่สามารถวัดผลได้มากกว่าที่คุณเคยจินตนาการ แล้ว Technical Debt คืออะไร?

“Technical Debt (หนี้ทางเทคนิค)” คือการใช้ทางลัดในการเขียนโค้ด เพื่อแก้ปัญหาระยะสั้น หรือสร้างระบบที่ใช้งานได้ในระยะสั้น ซึ่งส่งผลให้เกิดในระยะยาวที่แก้ไขยากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับการติดหนี้ทางการเงินที่ยิ่งเวลาผ่านไปก็จะยิ่งมีดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายคืน ดังนั้นแล้วการติดหนี้ทางเทคนิคนั้นมีดอกเบี้ยที่ผู้พัฒนาจะต้องจ่ายคืนเช่นกัน โดยต้องจ่ายเป็นชั่วโมงเวลาในการแก้ไขปัญหาที่ได้ก่อไว้นั้นเอง

แล้ว Bad Code นั้นส่งผลกระทบกับบริษัทหรือธุรกิจยังไง?

ตามรายงานขอบริษัท Stripe ในปี 2018 ระบุว่า Software Developer ใช้เวลามากกว่า 42% ในการต่อกรกับ Technical Debt โดยในหนึ่งสัปดาห์ Software Developer ใช้เวลาโดยเฉลี่ย 13.5 ชั่วโมง ในการจัดการและกำจัด Technical Debt และอีก 3.8 ชั่วโมงในการทำงานกับ Bad Code ของตัวเองหรือคนในทีมเช่น การดีบัก การปรับโครงสร้างใหม่ และการแก้ไข นั้นจึงทำให้ค่าเสียโอกาสของโค้ดที่ไม่ดีมีมูลค่าสูงถึง “85 พันล้านดอลลาร์ต่อปี”

Technical Debt ไม่ได้แค่มีผลกระทบทางการเงินเท่านั้น! ยังมีผลกระทบโดยตรงต่อความสุขของ Software Developer และความพึงพอใจในงานเหมือนกัน การที่พวกเขาต้องกลับมาแก้และติดอยู่กับการแก้ Bad Code เหล่านี้จะเกิดความเครียดและความกดดันทางด้านเวลาตามมา

ปัญหาไม่ได้จำกัดอยู่เพียง Software Developerเท่านั้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผู้นำด้านเทคนิค (Technical Leader) หลายคนยอมแพ้และออกไปหาสิ่งที่เป็นมิตรกับตัวพวกเขาเองมากขึ้น

น่าเสียดาย… ที่มีการขาดแคลน Software Developer เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทำให้บริษัทไม่สามารถจ้างคนเพิ่มได้ เมื่อพิจารณาจากข้อจำกัดเหล่านั้น การสูญเสียความสามารถครึ่งหนึ่งของบริษัทไปกับการจ่าย Technical Debt ไปโดยเปล่าประโยชน์ดูเหมือนจะเป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่ดีนัก

จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีขนาดเล็กหรือใหญ่ขนาดไหนก็ตาม การเขียน Bad Code ก็สามารถเกิดขึ้นได้อยู่ทุกเมื่อ ในหลาย ๆ ครั้งการตัดสินใจการเขียน Bad Code อาจจะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจทางธุรกิจก็เป็นได้ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องกลับมาจ่าย Technical Debt อยู่ดี

ดังนั้นแล้ว บริษัทควรที่จะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม โดยการหาSoftware Developer ที่ไม่ได้มีเพียงทักษะในการเขียนโค้ดที่ดีได้อย่างเดียว แต่ควรหา Software Developer ที่มีพื้นฐานด้านการเขียนโค้ดที่โดดเด่น ที่จะสามารถต่อกรกับ Bad Code ของ โปรเจ็คได้อีกด้วย

ที่มา
https://www.infoq.com/articles/business-impact-code-quality/
https://www.1moreteam.com/how-the-bad-code-hurts-your.../